Photo Gallery
เรื่องแปลกของปลา เมื่อ ๕-๖ ปีที่แล้ว ปลาดูเหมือนคนสับสน พูดจาวกวน อันเนื่องมาจากมรสุมชีวิตที่ทุกข์อย่างมหาศาลหลายเรื่องก็ว่าได้ ปลากับแฟนต้องถูกธนาคารประกาศยึดทรัพย์บ้านและที่ดินขายทอดตลาด เนื่องจากเรา ๒ คนไปหลงเชื่อร่างทรงเป็นผู้หญิงดำท้วม หน้าตาดุ เข้ม อยู่ที่อำเภอลานกระบือ ห่างจากหมู่บ้านไร่ดง (บ้านปลา) ประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ร่างทรงคนนี้สมมุติชื่อ ต.มีลูกชาย ๑ คน หญิง ๑ คน สามีถูกยิงตาย และมีสามีใหม่ อดีตเป็นพลตำรวจ ลาออกจากข้าราชการ สมติชื่อ ช. ชอบแต่งกายคล้าย ๆ ทหาร เพื่อมองดูจะได้สง่า แถมยังมีบัตรปลอมเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ด้วย ไว้หลอกคนเล่น เพื่อติดต่องานสะดวก ในยุคร่างทรงเฟื่องฟู หากใครมารู้จักร่างทรงก็เชยแล้ว ต. และ ช. จะพาปลากับแฟนไปถือศิลที่วัดสุขไพรวัลย์ จังหวัดระยองบ้าง ไปวัดถ้ำมังกรทอง จังหวัดกาญจนบุรีบ้าง หรือไปวัดของพระอาจารย์ดัง ๆ แถ้วกาญจนบุรีบ้าง รวมทั้งที่นครปฐมด้วย ลงทุนสร้างวิหาร หลวงตากลับ หลวงตาขำ ที่อำเภอลานกระบือ จนพวกเราตาบอดทั้งหลายเชื่อสนิดใจว่าเป็นคนดี มีศีลธรรม คุณอยากรู้ไหมค่ะว่าร่างทรงนี้ทรงร่างใคร ก็วีรบุรุษกษัตริย์ไทยสมัยกรุงศรีแตกครั้งที่ ๒ ไงคะ มีใครบ้างคะที่ไม่อยากเป็นทหารรับใช้กษัตริย์ดัง มีทั้งร่างทรงพระยาพิชัยดาบหัก, เจ้าหญิงทับทิม, ปิ่นแก้ว, ปิ่นทอง, ธนูเงิน, ธนูทอง ล้วนแล้วแต่มาจากที่หลายทิศมาชุมนุมแหกตาชาวบ้านและไม่ใช่ชาวบ้านทั้งหลาย ส่วนใหญ่ก็ไปขอหวยกันละค่ะ รักษาโรคบ้าง ขายที่ดินไม่ออกให้ช่วยบ้าง และก็บอกว่าปลาชื่อปทุมทิพย์ เป็นนางที่เกิดในยุคนั้น โก้ดีนะคะ แฟนก็ต้องเป็นทหารซิคะ สนุกกันใหญ่ มีศิษย์อื่น ๆ อีกที่โดนกันไปคนละสามแสน ส่วนปลากับแฟนโดนไป ๕ แสน โดยการนำบ้านไปเข้าธนาคาร ซื้อที่ดินร่วมกัน หวังขายเก็งกำไรได้ราคา แต่ร่างทรงแอบขายได้แล้วรีบไปซื้อรถ ๑๐ ล้อ ๓ คัน อ้างว่าจะให้คนละคัน บาทหนึ่งพวกเราไม่เคยได้เลย ตอนยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟู ผลหรือคะ โดนโกงกันหมด เพราะความโลภทีเดียวที่ทำให้คนผิดสัจจะ คุณคิดว่านี่เป็นความโง่ของพวกเราชาตินี้ หรือกรรมเก่าชาติปางก่อนล่ะคะ ปลารู้จักร่างทรงตอนที่ไปงานเผาศพพี่ต้นที่ถูกพายุเกย์พัดเสียชีวิต ที่วัดพระศรีมหาธาตุ พี่ต้นเป็นเพื่อนกับแฟนปลา เป็นคนลานกระบือเลยมาพักบ้านปลา แหละนี่คือจุดเริ่มต้นที่พบร่างทรง เขามางานศพหลานเขยเขา พอเห็นปลาโง่ มีบ้าน มีรถ จึงรวมหัวคิดหลอกให้ปลาไปส่งที่ลานกระบือ ร่างทรงจากเช่าบ้านเดือนละ ๕๐๐ ขี่จักรยานเก่า ๆ กลับกลายมีรถ ๑๐ ล้อ ๓ คัน เป็นเถ้าแก่ใหญ่ เถ้าแก่เนี้ย เท่ห์ระเบิด เขา ๒ คนอยู่ได้เพราะโกงคนอื่นเขากิน มั่งมีบนความทุกข์และเสียงสาปแช่งของคนอื่น ปรากฎว่าทำกิจการก็ขาดทุน ต้องวิ่งรถ นอนกลางดินกินกลางทราย ช. แอบไปมีเมียน้อย มีลูก ๒ คน โดยที่ร่างทรง (เมีย) ไม่รู้เลย ทรงให้คนอื่นดู แต่ดูตัวเองไม่ได้ เวลานี้เขาทั้ง ๒ คนลำบากมาก กรรมสนองเขา ๒ คนแล้ว ช. กับ ต. ถูกจับว่าค้ายาบ้า ติดคุก แต่อาศัยความฉลาดของ ต. หลุดพ้นคดีได้ ส่วน ช. ติดคุกอยู่นานหลายปีกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะไม่มีเงินไปประกันตัว กว่าจะพ้นคดีก็นอนกินอาหารปิ่นโตอยู่ที่ฮ่องกงเป็นเวลานาน บ้านก็ปล่อยเป็นตำนักร้าง สกปรก ไม่มีเจ้าเข้าทรงที่ไหนจะมาลง คนไม่มีศีลผิดสัจจะ จะมีก็แต่ผีเปรตอสูรกายที่มาสิงอยู่ เขาโดนกรรมสนองแล้ว สาธุ! ส่วนปลาก็ต้องเข้าวัด พึ่งธรรมะเข้าข่มแล้ว ขืนไม่เข้าวัด ก็ต้องเป็นบ้าเสียสติ แก้ผ้าผ่อน จะเอายังไง เอาผิดร่างทรงก็ไม่ได้ สมน้ำหน้าอยากเคลิ้มดีนัก หนอยแน่อยากเป็นสนม! นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าวัดฟังธรรม เปล่าหรอกไม่ได้ไปเหมือนคนอื่นที่เขาอยากไปทำบุญกัน แต่ปลาไปค้นหาความจริงเพื่อสงบระงับอารมณ์ของตัวเองที่ใกล้จะเสียสติ เล่าให้ใครฟังก็อายเขาเปล่า ๆ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ทุกวัน ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ถึงขนาดซื้อเครื่องพิมพ์ใหม่เกี่ยวกับพระดัง ๆ ๒ องค์ หัวใจของปลานั้นเกือบแตกสลาย มันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นถึง ๒ ครั้งในเวลาใกล้เคียงกัน เข้าห้องพระจุดธูปบอกพระพุทธรูปด้วยอาการน้ำตานองหน้าว่า “อันตัวเราไร้บุญวาสนา ครูบาอาจารย์ก็ไม่มี หมดแล้ว ไม่มีที่ไปแล้ว ต่อไปนี้คงไม่มีใครช่วยชี้แนะแนวทางเดิน” ก็ต้องออกไปหาครูบาอาจารย์ตามต่างจังหวัดดูละ ท่าจะดี ว่าแล้วก็ไปโน่นเลย วัดถ้ำประทุน จังหวัดนครสวรรค์ หลวงพ่อบัว สอนไปธุดงค์ ไร้วาสนา ก็เลยอยู่ถือศีลนั่งสมาธิ เดินธุดงค์ สนุกดีค่ะ อยู่ได้ ๗ วัน (อยู่ที่นี่ถึงรู้ว่าทำไมต้องกวาดใบไม้วันละ ๒ ครั้ง) แฟนให้สึก บอกเดี๋ยวไม่กลับบ้าน พอเดือนมกราคม ไปถือศีลที่วัดธรรมทิพย์มงคล ๑๐ วัน อยู่ที่นี่ถึงได้รู้ว่า การเข้าไปสงบระงับสังขารธรรมเหล่านั้นได้เป็นสุขเย็นแท้ ที่นี่มีผ้าขาวคนหนึ่งนำหนังสือเกี่ยวกับพระธุดงค์โสภณ เล่มเล็ก ๆ มาให้อ่าน อ่านแป๊บเดียวจบ ชอบมาก ยอมรับว่าถูกใจ เพราะว่าคำสนทนาโต้ตอบของหลวงพ่อธรรมงามกับญาติโยม มีความคิดว่า คำตอบเช่นนี้หากไม่รู้จริงคงตอบไม่ได้ อ่านง่าย เข้าใจง่าย แบบกวนประสาทนิด ๆ อยากเจอเสียแล้วซิ ถูกชะตาตั้งแต่ยังไม่เคยพบหน้า รู้แต่ว่า ทำไม! ชื่อท่านถึงไพเราะมาก เขางามจริงอย่างชื่อหรือเปล่านะ?? จนกลับมากรุงเทพฯ ซื้อหนังสือโลกทิพย์มาอ่าน หลังจากที่ไม่ได้อ่านมาหลายปี ปลาอ่านฉบับเดือนเมษายน ปี ๒๕๓๙ ก็พบว่า พระภิกษุโสภณ ธรรมโสภโณ จะมาที่สำนักงานวันเสาร์ ตอนนั้นปลาต้องทำงานวันเสาร์ครึ่งวัน คงไปไม่ทัน แต่เตรียมพวงมาลัยดอกมะลิไว้ ๑ พวง ก็ตั้งใจจะไปวันอาทิตย์ หลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่โลกทิพย์ว่า หลวางพ่ออยู่ชมรมแน่นอน เนื่องจากปลาไม่ได้ไปโลกทิพย์หลายปี ไม่กล้าเข้าไป วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่ใกล้เที่ยงแล้ว ไม่มีคนมาเลย ประตูปิดเงียบ ทำไมเงียบเหลือเกิน ทำไงดี! เคยมาแต่ที่คนเยอะ ๆ มาฟังธรรมกันเป็นร้อย ๆ คน ปลานั่งอยู่บนรั้วเตี้ยๆ เกือบติดดินตรงข้ามชมรมโลกทิพย์นานพอสมควร ไม่กล้าผลักประตูเข้าไป รอจนเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ มีเด็กและผู้หญิงซ้อนท้าย ข้างหน้าตระกร้ารถมีถังสังฆทาน ๑ ใบ แน่นอนล่ะเขาต้องนำมาถวายพระแน่ หลวงพ่อต้องอยู่แน่นอน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ ปลาโทรศัพท์เข้าไปในชมรมอีก ว่าหลวงพ่ออยู่ไหม พนักงานบอกว่าอยู่ให้เข้ามาได้เลย เห็นทั้ง ๓ คนผลักประตูหายวับไป จะก้าวขาตามก็ไม่กล้าอีก ก็คนไม่เคยคุยกับพระเรื่องส่วนตัว คุยกับพระก็ไม่เป็น ทำไงดี ในระหว่างที่สับสนอยู่นาน จิตก็บอกว่า “ปลาจ๋าเข้าไปเถอะนะ ไหนๆ ก็มาแล้ว” ปลาก็ตอบกับจิตว่า “ไม่ล่ะ ปลาไม่กล้า ไม่มีคนเลย เขินด้วยแหละ” “เข้าไปเถอะ คนน้อยซิดี ปลามีอะไรข้องใจ อยากให้หลวงพ่อช่วยอะไรก็คุยก็ถามได้ โอกาสไม่ใช่มีอย่างนี้นะ” ปลาโต้ตอบกับจิต ก็ใจอ่อน เอาวะ เป็นไงเป็นกัน ว่าแล้วก็ผลักประตูรั้วบานใหญ่ มองเข้าไปข้างใน พบผู้หญิง ๒ คน ผู้ชาย ๑ คน เด็ก ๑ คน กำลังคุยกันอยู่กับพระ ๑ องค์ มองดูเห็นรูปร่างผอมบาง ผิวขาว จมูกโด่ง หน้าตาแปลก ๆ ใส่อังสะ โชว์ผิวที่ขาวผ่องตัดกับใบหน้าที่มองดูกร้าน แก่กว่าวัย ขาและแขนผิวขาวสะอาดช่างตัดกับผิวหน้าอย่างประหลาด ปลานั่งพร้อมกับพิจารณาอีกที เหล่แล้วก็เหล่อีก ใช่หรือเปล่านะหลวงพ่อธรรมงาม ดูรัศมีผ่องพรรณ น่าแปลก ยามหัวเราะก็ยิ้มปากกว้างเชียว หน้าตาใจดี รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหน แต่จำไม่ได้ว่าเป็นใคร? ปลาก็ถามผู้หญิงอ้วน ๆ ที่มาว่า พระองค์นี้คือใคร? ผู้หญิงคนอ้วน ๆ ก็ตอบว่านี่แหละหลวงพ่อธรรมงาม “หลวงพ่อธรรมงาม” นี่หรือหลวงพ่อธรรมงาม ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ คิดไว้ว่าหลวงพ่อต้องเคร่งขึง ลูกศิษย์คงเยอะ แต่นี่ไม่มีพระติดตามเลย ดูท่าทางท่านสบาย หมายถึงว่า ปล่อยกายตามสบาย ดูท่านนั่งอย่างสบายอารมณ์ ใช่รึ ไม่ใช่น่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่าในหนังสือขาวดำเล่มเล็กพิมพ์ไม่ชัด ตัวจริงกับในหนังสือไม่เหมือนกัน พร้อมกันนั้นหลวงพ่อก็ถามว่า “กระแดะมาทำไม” ปลาก็ใจหาย ว่าเรากระแดะทำไม? เราเดินเด้งไปมาหรือไง? หรือว่าเวลาเราเดินเหมือนคนขาสั้นข้างยาวข้าง เลยดูไม่งาม แต่ก็รีบตอบโดยไม่คิดว่า “มาดูว่ามีอะไรกัน” “มาหาพระทำไมไม่มีของมา มาตัวเปล่า” ปลารีบเปิดกระเป๋าสะพาย ทันทีพร้อมกับพวงมาลัยเฉา ๆ ๑ พวง เพราะซื้อตั้งแต่เช้าวันเสาร์แล้วรีบยื่นให้ แต่หลวงพ่อไม่รับ กลับลุกขึ้นเดินหนี หลวงพ่อเดินสบงปลิวก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปที่ศาลากลางน้ำหลังเล็ก พวกเรา ๕ คน ก็รีบลุกเดินตามท่านไปปนั่งคุยเรื่องธุระแต่ละคนอยู่พักใหญ่หลวงพ่อจะพูดคำว่ากระแดะบ่อยมาก โดยมองมายังปลา ปลาก็มองซ้ายมองขวาหันหน้าหันหลัง มองไปที่สุขา หรือมองหาตัวต้นตอที่หลวงพ่อพูดว่ากระแดะแต่ก็ไม่เจอใคร พลางก็คิดว่าหลวงพ่อสงสัยจะว่าเรา ว่าแล้วปลาก็คิดว่าหากเราไม่รับซะอย่าง แล้วใครจะทำอะไรได้ ว่าได้ว่าไป ไม่รับซะอย่าง เมื่อยปากก็หยุดเองล่ะ! เมื่อปลากลับมาถึงบ้าน ก็เข้าห้องพระ ใช่เลย! สิ่งที่เราค้นหาสิ่งที่ปลาอยากพบ สิ่งที่เราต้องการ และนี่คือสิ่งที่ปลาพอใจ ใช่เลย! อาจารย์องค์นี้แหละที่ปลาค้นหามานาน องค์นี้แหละที่ปราบม้าพยศอย่างปลาได้ องค์นี้แหละที่จะใช้ขอสับหัวช้างของปลาที่ดื้อด้านได้ องค์นี้แหละที่จะสามารถควบคุมปลาอยู่เพราะฉะนั้น ปลาจะเป็น ศิษย์เอกให้ได้ จิตคิดเหิมเกริมไปใหญ่โดยหารู้ไม่ว่าตัวเองสุดยอดของคนขี้เกียจและหากจะเปรียบเทียบก็เหมือนกับเด็กอนุบาลมาเจอดอกเตอร์เข้าให้แล้ว เด็กอนุบาลคงฟังด็อกเตอร์พูดสอนไม่เข้าใจ ส่วนด็อกเตอร์ไยเล่าจะมาเสียเวลามาสอนเด็กอนุบาล อุตส่าห์ร่ำเรียนมาเพื่อมาสอนเด็กอนุบาลรึ! เขาน่าจะสอนพวกนิสิตนักศึกษาที่จบโทมิใช่รึ! แต่ถึงอย่างไรปลาก็ตั้งความหวังว่าถึงปลาจะฟังธรรมชั้นสูงไม่รู้เรื่อง ปลาก็จะพยายามเดินไปทีละก้าว ถึงแม้ว่ามันจะช้า ช้าแต่ชัวร์ค่ะ ตั้งแต่วันนั้นมา ปลาก็พยายามไปชมรมให้บ่อยขึ้น เพื่อที่จะพบหลวงพ่อ โดยรับอาสาทำงานทุกอย่างที่สามารถหยิบฉวยได้ ทำตัวให้ขยันว่างั้นเถอะ ถึงแม้ว่าบางครั้งจะง่วงนอนตอนกลางวัน ก็ต้องแกล้งทำเป็นขยันเพื่อดูท่าทีหลวงพ่อ (ตอนนั้นหลวงพ่อจำพรรษาที่แก่งหางแมว จังหวัดจันทบุรี) หลวงพ่อเคยถามปลาครั้งหนึ่งตอนหลังว่า ถ้าปลาต้องการจะให้วิชาความรู้ การจัดดอกไม้ ร้อยมาลัย ทำบายศรี ปลาจะเลือกคนแบบไหน? ปลารีบตอบทันที โดยไม่คิดสักนิดตามนิสัยไม่ไตร่ตรองตามเคยว่า “ปลาจะดูว่าคนนั้นรักดอกไม้ไหม” (มีใจรักดอกไม้ใบตองแค่ไหน หากคนใดขยี้ดอกไม้ ขว้างทิ้งอย่างไม่ปรานี ทิ้งเศษไม้ ใบตอง ปลาคงไม่สอน แน่นอน เพราะใจเขาไม่รัก) ปลาตอบสั้น ๆ แค่นั้น! ตอนหลังถึงนึกได้ว่า อ๋อ! ครูบาอาจารย์ก็เป็นเช่นนั้น เขาเลือกสอนศิษย์ คนไหนรับได้ มีใจรัก ก็ทุ่มเทให้เต็มที่สำหรับศิษย์คนนั้น แต่ถ้าหากไม่รักเสียแล้ว ก็คงป่วยการสอนใช่ไหมคะ? ตอนนั้นพี่นัทคนขับรถแท็กซี่ จะมาคอยดูแลหลวงพ่ออยู่ โดยไปรับไปส่งหลวงพ่อไปจันทบุรี-กรุงเทพฯ เสมอ หลวงพ่อจะด่าว่าผู้หญิงทุกวัน ว่าไม่ดีอย่างนั้น ไม่ดีอย่างนี้ ปลาต้องทนฟังทุกวัน ๆ จนวันหนึ่งหมดความอดทนจึงตอบบ้างว่า “อึม! ขาดผู้หญิงเมื่อไร เมื่อนั้นก็จะรู้สึก ทุกวันนี้ผู้หญิงต้องลุกขึ้นมาทำกับข้าวใส่บาตร ไม่เห็นมีผู้ชายตื่นขึ้นมาทำกับข้าวใส่บาตรเลย เวลาไปวัด ดูเอาเถอะ ผู้หญิงทั้งนั้นที่ไปฟังธรรม ทำไมต้องมาซ้ำเติมเพศอ่อนแอด้วย โมโหแล้ว และปลานี่แหละจะพิสูจน์ว่า ผู้หญิงนี่แหละที่จะเป็นมารดาโอบอุ้มโลก” พอพูดคำสั้น ๆ ว่าขาดผู้หญิงเมื่อไรเมื่อแล้ววันนั้นจะรู้สึก ตั้งแต่วันนั้นมาหลวงพ่อไม่ค่อยดูถูกผู้หญิงเท่าไหร่ พูดเพียงแต่ว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่มีกรรมเพราะทำกรรมไว้ จึงต้องมาใช้เศษกรรมอันเนื่องมาจากผิดศีล ๕ คือ ข้อกาเม ฯ พวกเราไปวัดราชนัดดากัน มีพี่นัท หลวงพ่อและปลา เมื่อถึงปลารีบควักเงินจ่าย ๒๐ บาท เป็นค่าจอดรถ หลวงพ่อไม่ยอม นำแบงค์ ๑๐ จำนวน ๒ ใบ มาให้ปลา บอกว่าค่าจอดรถ ปลารีบปฏิเสธ ไม่ล่ะค่ะ มาด้วยกัน ก็ช่วยกันออก “รับไว้เถอะนะ ไว้เป็นเงินก้นถุง” ปลาจึงรับไว้ และต่อมาล็อตเตอรี่ออกเลขท้ายแบงค์ ๑๐ จำนวน ๑ ใบ ก็ออกเลข ๒ ตัว ส่วนอีกแบงค์ก็ออกเลขแต่กลับกัน คนไม่มีโชค ทำอย่างไรก็คิดไม่ออก แต่ปลาไม่ค่อยใส่ใจเรื่องตัวเลข สนแต่ว่าหลวงพ่อจะช่วยตามร่างทรงเพื่อนำเงินมาคืนบ้าง (แผนสูงไหมล่ะ) มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อบอกว่า พรุ่งนี้รับนิมนต์ที่ มหาวิทยาลัยเกษตรฯ ชมรมผู้สูงอายุ (ก็คือชมรมวิชาการเกษตร) ปลาไปด้วยค่ะ หลวงพ่อไม่ตอบ คิดตามล่ะงานนี้...ใครบ้างไม่อยากเป็นศิษย์หลวงพ่อธรรมงาม อดีตท่านเป็นนักร้อง พิธีกรวงดนตรีลูกทุ่งรวมดาวกระจุยเชียวนะ ใครที่อายุ ๓๐ ปีขึ้นไปไม่รู้จักวงดนตรีนี้ก็เชยแล้ว ออกทีวีออกจะบ่อย ดังสุด ๆ เลยล่ะ ปลาดูประจำ ไม่น่าละ หน้าตาหลวงพ่อถึงคุ้น ๆ หลวงพ่อบอกปลานึกออกเลย ว่าเคยเห็นที่ไหน วันนั้นเจ้าบุ๋มก็อยู่ด้วย เรานัดกัน ๓ โมงเช้าที่ชมรม มีพี่นัท บุ๋ม ปลา และหลวงพ่อ วันรุ่งขึ้น ปลาไปชมรมช้าเพี่ยง ๕ นาที คือ ๙.๐๙ น. นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างสวน รถของคุณคะนองหน้าชมรมโลกทิพย์ คุณคะนองบอกว่าหลวงพ่อไปแล้ว เมื่อกี้นี่เอง โธ่เอ๋ย ไม่รอเลย แค่ ๕ นาทีเอง ว่าแล้วก็บอกมอเตอร์ไซค์ไปปากซอยสถานทูตจีนต่อ ฮึ! ม.เกษตรฯ แค่นี้เองไม่เห็นจะยากเลย หลวงปู่มั่นอยู่สุดหล้าฟ้าเขียว อาจารย์ต่าง ๆ ยังดั้นด้นไปเจอหรือไม่เจอก็ยากกว่าเป็นล้านเท่า บุกป่าฝ่าดง รถก็ไม่มี มีหรือปลาจะท้อ ต่อให้ไกลกว่านี้ก็จะไป ปลานั่งรถเมล์สาย ๒๐๖ รถเมล์ว่าง เพราะนี่สายแล้ว จึงเดินไปนั่งเบาะหลังยาวหลังสุด นั่งไขว่ห้าง ร้องเพลงเลยอย่างสบายอารมณ์ รถก็ไม่ติด เดี๋ยวก็ถึง“แสนสุขสมนั่งชมวิหค อยากเป็นนกเหลือเกิน นกหนอนกเจ้าหกเจ้าเหิร ทุกว้นเจ้าคงเพลิน” และปลาร้องจนจบเพลง ก็จะไม่ให้เป็นนกได้ไง อยากจะบินไปให้ถึงเร็ว ๆ อยากจะรู้นักทำไมหลวงพ่อไม่รอ ร้องไปร้องมาแป๊บเดียวถึง ม.เกษตร ว่าแล้วก็จ้างมอเตอร์ไซค์ไปที่ที่มีเขานิมนต์พระมา มอเตอร์ไซค์พาไปหาประชุมใหญ่เลย ใช่เลยที่นี่ ปลาเคยมาฟังธรรม พระอาจารย์ยันตระเทศน์คนเป็นพัน ๆ คน แต่เหตุใดวันนี้ไม่มีคนเลย เห็นมีแต่นักศึกษาไม่กี่คน เดินเข้าไปถามนักศึกษา นักศึกษาบอกว่าไม่มีพระชื่อนี้นิมนต์มาวันนี้ มีซิ หลวงพ่อมาแล้ว ปลาเถียง แต่ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะถ้ามาที่นี่ก็คงเห็น ผลสุดท้ายก็นั่งมอเตอร์ไซค์ขับหาชมรมอะไรก็ไม่รู้ เมื่อวานฟังไม่ถนัด ไม่คิดว่าจะวุ่นวายถึงขนาดนี้ ขับวนไปก็วนมา ชักร้อน หิว และเสียหน้า เริ่มหงุดหงิด ชักไม่สนุก อารมณ์ก็เสีย โมโหตัวเองไม่จดว่าเป็นชมรมอะไร ตึกไหน เกษตรเล็กซะเมื่อไหร่ ชักไม่สนุก ๆ หลวงพ่อ ไม่สนุกแล้วนะ พอพูดครั้งที่ ๓ ก็เห็นท้ายรถแท็กซี่พี่นัทพอดี จอด ๆ รีบจอด อาการที่เหนื่อยร้อนก็หายเป็นปลิดทิ้ง รีบวิ่งมาอย่างด่วน บอกมอเตอร์ไซค์ว่าให้ไปกราบหลวงพ่อเร็ว มอเตอร์ไซค์ก็ดีมากราบหลวงพ่อแล้วก็ไป ขณะนั้นหลวงพ่อกำลังนั่งพิจารณาข้าวในบาตรอยู่ ปลาดีใจมากที่หาหลวงพ่อเจอ กะว่าคราวหน้าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นอันขาด พอขากลับ หลวงพ่อนั่งหน้ารถกับพี่นัท ปลากับบุ๋มนั่งเบาะหลัง หลวงพ่อเปิดคลื่นสถานีวิทยุหาเพลง ก็นักร้องเก่านี่นา |